www.beproudclinic.com

เสริมคาง ผู้ชาย: เปลี่ยนหน้ากลมเป็นหน้าคม ปรับลุคแมนให้ดูสมาร์ท

ในอดีตศัลยกรรมอาจเป็นเรื่องของผู้หญิง แต่ในยุคปัจจุบัน “การดูดี” ไม่มีแบ่งเพศครับ ผู้ชายจำนวนมากหันมาดูแลตัวเองและพึ่งพาทางการแพทย์เพื่อเสริมความมั่นใจ และหนึ่งในจุดที่ผู้ชายกังวลใจที่สุดรองจากจมูกก็คือ “คาง”

ปัญหาคางสั้น คางตัด หรือคางถอยในผู้ชาย มักทำให้ใบหน้าดู “กลม” ขาดความคมเข้ม (Definition) หรือดูเหมือนคนไม่มีคอ ซึ่งส่งผลต่อบุคลิกภาพโดยตรง การ “เสริมคาง ผู้ชาย” จึงเป็นทางออกที่จะช่วยคืนความสมดุลให้กับใบหน้า สร้างกรอบหน้า (Jawline) ที่ชัดเจน และเปลี่ยนลุคให้ดูสมาร์ท ดูเป็นผู้นำ และดูแมนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ความแตกต่างที่สำคัญ: เสริมคาง “ผู้ชาย” vs “ผู้หญิง”

นี่คือสิ่งที่ต้องระวังที่สุด! การเสริมคางผู้ชาย “ห้าม” ใช้เทคนิคเดียวกับผู้หญิงเด็ดขาด เพราะเป้าหมายความงามนั้นตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง

ลักษณะเสริมคาง ผู้หญิง (Feminine Look)เสริมคาง ผู้ชาย (Masculine Look)
รูปทรงเน้นทรง V-Shape ปลายเรียวสอบเน้นทรง U-Shape หรือ Square ปลายตัดมน หรือป้านเล็กน้อย
ความกว้างฐานซิลิโคนแคบ เพื่อให้หน้าดูเล็กฐานซิลิโคนกว้าง เพื่อรับกับแนวกรามที่แข็งแรง
มิติเน้นความยาวและความพุ่งให้หน้าหวานเน้นความ “หนา” และ “กว้าง” เพื่อเสริมสันกรามให้ชัด
ผลลัพธ์หน้าดูเรียว หวาน ละมุนหน้าดูคมเข้ม สุขุม แข็งแรง

ทรงคางที่เหมาะกับผู้ชาย: เลือกอย่างไรไม่ให้ “โป๊ะ”

การดีไซน์ทรงคางสำหรับผู้ชาย ต้องคำนึงถึง “ความกว้างของปาก” และ “แนวกราม” เป็นหลัก

1. ทรงป้าน/ทรงตัดมน (Broad/Square Chin)

นี่คือทรงยอดฮิตสำหรับผู้ชายที่ต้องการลุคอินเตอร์ หรือลุคผู้นำ ซิลิโคนจะมีลักษณะฐานกว้าง ปลายไม่แหลม ช่วยให้คางดูบึกบึน รับกับผู้ที่มีโครงหน้าชัด หรือมีแก้มตอบ

2. ทรงมนธรรมชาติ (Round/Oval Chin)

เหมาะสำหรับผู้ชายเอเชียที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงแบบ “เนียนๆ” ไม่ต้องการให้หน้าดูดุเกินไป ทรงนี้จะช่วยแก้ปัญหาคางสั้นให้ยาวขึ้นอย่างสมส่วน ใบหน้าจะดูยาวรีขึ้นแต่ยังคงความละมุน

เทคนิคการเสริมคางผู้ชายที่ BeProud Clinic

ที่ BeProud Clinic เราเข้าใจสรีระของผู้ชายเป็นอย่างดี เราจึงเลือกใช้เทคนิคและวัสดุที่ตอบโจทย์ความ “แมน” โดยเฉพาะ

ซิลิโคนขายาว (Long-leg Silicone) : ตัวช่วยสร้างกรอบหน้า

สำหรับผู้ชาย เรามักแนะนำให้ใช้ “ซิลิโคนขายาว” เพราะขาของซิลิโคนจะพาดขึ้นไปตามแนวกระดูกกราม ช่วยกลบเกลื่อนรอยต่อระหว่างคางกับแก้ม ทำให้เห็นเส้น Jawline ที่คมชัดขึ้น ซึ่งเป็นเสน่ห์ของผู้ชาย

การวางซิลิโคนใต้เยื่อหุ้มกระดูก (Subperiosteal Placement)

ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เทคนิคนี้คือมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด การวางซิลิโคนในชั้นลึกใต้เยื่อหุ้มกระดูกจะช่วย “ล็อก” ซิลิโคนให้อยู่กับที่ ไม่ห้อยย้อย ไม่เบี้ยวเอียง และที่สำคัญคือ “ดูเป็นธรรมชาติมาก” เพราะเนื้อเยื่อจะคลุมซิลิโคนได้เนียนสนิท จับแล้วไม่เจอขอบ

แผลใน vs แผลนอก: ผู้ชายควรเลือกแบบไหน?

ผู้ชายหลายคนกังวลเรื่องรอยแผลเป็น เพราะอาจไม่ได้แต่งหน้ากลบเหมือนผู้หญิง

  • แผลนอก (ใต้คาง): เป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้ชาย เพราะดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องเศษอาหาร และแพทย์สามารถวางตำแหน่งซิลิโคนได้แม่นยำมาก รอยแผลมีขนาดเล็ก (2-3 ซม.) ซ่อนอยู่ใต้เงาคาง ซึ่งในผู้ชายมักมีหนวดเคราช่วยบังได้อีกทางหนึ่ง ทำให้แทบมองไม่เห็น
  • แผลใน (ในปาก): เหมาะกับคนที่ซีเรียสเรื่องรอยแผลภายนอกจริงๆ แต่ต้องดูแลความสะอาดช่องปากดีเป็นพิเศษ

รีวิวจากคนไข้ชายจริง: ความมั่นใจที่เปลี่ยนไป

ลูกค้าผู้ชายหลายท่านที่เข้ามาทำคางกับเรา มักจะกลับไปพร้อมกับความมั่นใจที่มากขึ้น

  • “รู้สึกว่าหน้าดูสมส่วนขึ้น เวลาถ่ายรูปไม่ต้องหามุมหลบแก้ม”
  • “เพื่อนทักว่าผอมลง ทั้งที่น้ำหนักเท่าเดิม เพราะหน้าดูเรียวและมีกรอบหน้าชัดขึ้น”
  • “ชอบตรงที่ไม่ดูหลอกตา ไม่แหลมจนเหมือนแม่มด ดูแมนเป็นธรรมชาติ”

ทำไมผู้ชายถึงควรเลือก BeProud Clinic? (EEAT)

ทีมแพทย์ ของเรา นำโดย นายแพทย์กิตติ์ภวิศ พสุจรัสพงศ์ (หมออาร์ม) มีประสบการณ์และความเข้าใจใน Male Aesthetics (สุนทรียศาสตร์สำหรับผู้ชาย) อย่างลึกซึ้ง เราไม่ใช้บล็อกซิลิโคนแบบเดียวกับผู้หญิงมาใส่ให้คุณ แต่เราจะ “เหลาปรับแต่ง” ซิลิโคนชิ้นต่อชิ้น เพื่อให้เข้ากับฐานกระดูกที่กว้างและหนากว่าของผู้ชาย ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ใช่แค่คางที่ยาวขึ้น แต่คือใบหน้าที่ดูดีขึ้นแบบยกเครื่อง

ช่องทางติดต่อ BeProud Clinic

หนุ่มๆ ที่อยากปรับลุคให้ดูดีขึ้น ปรึกษาเราได้เลยครับ เราพร้อมออกแบบทรงคางที่เหมาะกับคุณที่สุด

คำถามที่พบบ่อย (FAQs) สำหรับผู้ชาย

1. เสริมคางแล้วไว้หนวดเคราได้ไหม?

ได้แน่นอนครับ! และหนวดเครายังช่วยเสริมให้คางดูเข้มขึ้นไปอีก แต่ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด (กรณีแผลนอก) อาจจะต้องงดโกนหนวดบริเวณรอบแผลไปก่อน เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการกระทบกระเทือน

2. ผู้ชายผิวหน้ามัน จะเสี่ยงติดเชื้อง่ายกว่าไหม?

ผู้ชายมักมีรูขุมขนกว้างและหน้ามันกว่าผู้หญิง ซึ่งอาจมีความเสี่ยงเรื่องสิวบริเวณคางได้ ดังนั้นการดูแลความสะอาดแผล (โดยเฉพาะแผลนอก) จึงสำคัญมาก ต้องหมั่นเช็ดทำความสะอาดและงดแกะเกาสิวบริเวณนั้น

3. พักฟื้นนานไหม? ต้องลางานกี่วัน?

โดยปกติอาการบวมจะเยอะสุดในช่วง 3 วันแรกครับ สามารถลางาน 2-3 วันเพื่อประคบเย็นได้ หลังจากนั้นสามารถใส่แมสก์ไปทำงานได้ตามปกติ อาการบวมช้ำจะค่อยๆ จางลงใน 1-2 สัปดาห์

4. ทำแล้วหน้าจะดู “สาว” ไหม?

นี่คือสิ่งที่ผู้ชายกลัวที่สุด คำตอบคือ “ไม่ครับ” หากเลือกทรงซิลิโคนถูกต้อง (ไม่แหลม/ไม่ V เกินไป) และแพทย์มีความเชี่ยวชาญในการวางตำแหน่ง แพทย์จะดีไซน์ให้รับกับความกว้างของปากผู้ชาย ทำให้หน้าดูคมเข้มขึ้น ไม่ดูหวานเหมือนผู้หญิงแน่นอน

5. เล่นกีฬาได้เมื่อไหร่?

งดกีฬาหนักๆ หรือกีฬาที่มีการปะทะ (เช่น ฟุตบอล, มวย, บาสเกตบอล) อย่างน้อย 1 เดือนครับ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อน แต่ถ้าเป็นการวิ่งเบาๆ หรือเข้ายิม (ไม่หนักมาก) สามารถเริ่มได้หลัง 2 สัปดาห์

References

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
Scroll to Top