www.beproudclinic.com

เสริมคาง ข้อเสีย: รู้ให้ครบก่อนตัดสินใจ จบทุกข้อกังวลใจ

การตัดสินใจปรับรูปหน้าด้วยการ “เสริมคาง” เป็นหนึ่งในทางลัดที่ช่วยเปลี่ยนมิติของใบหน้าให้ดูสมส่วนและมีเสน่ห์มากขึ้นได้อย่างน่าทึ่ง แต่ในโลกแห่งความจริง การศัลยกรรมทุกชนิดย่อมมี “สองด้าน” เสมอ และการที่คุณกำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ “เสริมคาง ข้อเสีย” ถือเป็นก้าวแรกที่ชาญฉลาดที่สุด การยอมรับและทำความเข้าใจความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ไม่ใช่การสร้างความกลัว แต่คือการเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อ “ป้องกัน” และ “ลด” โอกาสเกิดข้อเสียเหล่านั้นให้เหลือน้อยที่สุด วันนี้ BeProud Clinic จะมาเปิดทุกข้อกังวลใจแบบตรงไปตรงมา เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจที่สุด

ทำไมคางถึงสำคัญ? จุดปรับมิติใบหน้าที่ถูกมองข้าม

หลายคนมุ่งเน้นไปที่จมูกหรือตา แต่ “คาง” คือองค์ประกอบที่ช่วยกำหนดกรอบหน้าส่วนล่าง (Lower Face) และสร้างความสมดุลให้กับใบหน้าโดยรวม คางที่สั้น คางตัด หรือคางหลุบเข้าไปด้านใน ทำให้ใบหน้าดูสั้นกลม และยังทำให้จมูกหรือแก้มดูเด่นเกินจริงอีกด้วย การเสริมคางจึงเป็นการปรับมิติให้ใบหน้าดูเรียวยาวและได้สัดส่วนทองคำมากขึ้น

เสริมคาง ข้อเสีย ที่ควรรู้: เปิดหมดไม่มีกั๊ก

การให้ข้อมูลที่โปร่งใสคือหัวใจของเรา นี่คือความเสี่ยงและข้อเสียที่สามารถเกิดขึ้นได้ แม้จะมีโอกาสน้อยในมือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ตาม

ปัญหาซิลิโคนเบี้ยว เอียง หรือไม่สมมาตร

นี่คือข้อเสียที่คนกังวลมากที่สุด อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการเลือกขนาดซิลิโคนที่ไม่พอดีกับฐานกระดูก การวางซิลิโคนผิดตำแหน่ง หรือการกระทบกระเทือนรุนแรงในช่วงที่ยังไม่เข้าที่ ทำให้คางที่ได้ดูไม่สมมาตร

ความเสี่ยงเรื่องการติดเชื้อ

การผ่าตัดทุกชนิดมีความเสี่ยงนี้ โดยเฉพาะการเสริมคางแบบ “แผลในปาก” ที่มีโอกาสสัมผัสกับแบคทีเรียในช่องปากได้ง่ายกว่า หากดูแลความสะอาดไม่ดีพอ หรือคลินิกไม่ได้มาตรฐานความปลอดเชื้อ

ปัญหาคางเป็นก้อน หรือดูไม่เป็นธรรมชาติ (คางมะม่วง)

ข้อเสียนี้เกิดจากการ “ดีไซน์” ที่ผิดพลาด การเลือกซิลิโคนที่มีขนาดยาวหรือใหญ่เกินไป ไม่เหลาปรับแต่งให้เข้ากับฐานกระดูกของคนไข้ ทำให้เมื่อเสริมออกมาแล้ว คางจะดูเป็นแท่ง เป็นก้อน หรือยื่นออกมาจนดูหลอกตา ที่เรียกกันว่า “คางมะม่วง”

ผลกระทบต่อเส้นประสาทและความรู้สึก

บริเวณปลายคางมีเส้นประสาทที่ให้ความรู้สึก (Mental Nerve) การผ่าตัดที่ไม่ระมัดระวังอาจไปรบกวนเส้นประสาทนี้ ทำให้เกิดอาการ “ชา” บริเวณริมฝีปากล่างหรือปลายคางได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นอาการชั่วคราว แต่ในเคสที่รุนแรงก็อาจคงอยู่นานขึ้น

การเกิดพังผืดรัดแกน (Capsular Contracture)

เป็นปฏิกิริยาของร่างกายที่สร้างพังผืดขึ้นมารอบซิลิโคน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ในบางคน ร่างกายอาจสร้างพังผืดที่หนาและแข็งตัว “รัด” แท่งซิลิโคน ทำให้คางมีรูปร่างผิดปกติ แข็งเป็นก้อน หรือรู้สึกเจ็บปวดได้

ข้อเสียของการเสริมคางแต่ละแบบ (แผลใน vs แผลนอก)

เทคนิคการเปิดแผลก็มีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันชัดเจน

เทคนิคข้อดีข้อเสีย (ที่ต้องพิจารณา)
เสริมคางแผลในปากไม่มีแผลเป็นภายนอกให้เห็น 100%ความเสี่ยงติดเชื้อสูงกว่า: จากแบคทีเรียในช่องปาก – ความแม่นยำต่ำกว่า: วางซิลิโคนได้ยากกว่า – โอกาสเบี้ยวเอียงง่ายกว่า: หากกล้ามเนื้อในปากขยับมาก
เสริมคางแผลนอก (ใต้คาง)ความเสี่ยงติดเชื้อต่ำมากวางซิลิโคนได้แม่นยำ: แพทย์เห็นชัดเจน วางใต้เยื่อหุ้มกระดูกได้ง่าย – โอกาสเบี้ยวเอียงน้อยมากมีแผลเป็นภายนอก: เป็นรอยเส้นเล็กๆ ซ่อนอยู่ใต้คาง (มักจางจนแทบไม่เห็น)

กุญแจสำคัญในการ “ลด” ข้อเสียการเสริมคาง

เมื่อรู้ข้อเสียแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าต้องกลัวจนไม่กล้าทำ เพราะข้อเสียส่วนใหญ่ “ป้องกันได้” หัวใจสำคัญไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี แต่อยู่ที่ 2 ปัจจัยนี้:

  1. ความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์: แพทย์ที่เข้าใจกายวิภาคใบหน้าอย่างลึกซึ้ง จะสามารถหลีกเลี่ยงเส้นประสาท วางซิลิโคนในตำแหน่งที่ถูกต้อง และ “ดีไซน์” ทรงคางให้รับกับใบหน้าคุณได้
  2. มาตรฐานของคลินิก: ความสะอาดปลอดเชื้อของห้องผ่าตัดและเครื่องมือ คือสิ่งที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ดีที่สุด

BeProud Clinic: เราลดความเสี่ยงและข้อเสียเหล่านี้ได้อย่างไร?

ที่ BeProud Clinic เราเข้าใจทุกข้อกังวลใจของคุณ เราจึงพัฒนากระบวนการที่รัดกุมเพื่อ “ปิด” ทุกช่องโหว่ที่อาจนำไปสู่ข้อเสียเหล่านั้น

เทคนิคการวางซิลิโคนใต้เยื่อหุ้มกระดูก (Subperiosteal)

นี่คือเทคนิคสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหา “คางเบี้ยวเอียง” ได้อย่างตรงจุด แพทย์ของเราจะทำการผ่าตัดและวางซิลิโคนลงในตำแหน่ง “ใต้เยื่อหุ้มกระดูก” ซึ่งเป็นชั้นที่ลึกที่สุดและแนบสนิทกับกระดูกคาง ทำให้ซิลิโคนถูก “ล็อก” ไว้กับที่อย่างมั่นคง ลดโอกาสการเคลื่อนที่ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การออกแบบซิลิโคนแบบ Case-by-Case

เราไม่มีซิลิโคนขนาดสำเร็จรูปที่ใช้กับทุกคน แต่ ทีมแพทย์ จะทำการวิเคราะห์โครงหน้า และเหลาปรับแต่งซิลิโคนด้วยมืออย่างประณีต เพื่อให้ขอบซิลิโคนแนบเนียนไปกับฐานกระดูกของคุณ ป้องกันปัญหาคางเป็นก้อนหรือคางมะม่วง

ความชำนาญในกายวิภาคเพื่อเลี่ยงเส้นประสาท

นายแพทย์กิตติ์ธนัช แต้รัตนชัย (หมออาร์ม) และทีมแพทย์ของเรา มีความแม่นยำในตำแหน่งของเส้นประสาท Mental Nerve ทำให้สามารถทำการผ่าตัดได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการชาถาวร

ทำไมถึงควรวางใจ BeProud Clinic เมื่อคุณกังวลเรื่อง “ข้อเสีย”

จากประสบการณ์ที่เราได้ดูแลและให้คำปรึกษาเคสปรับรูปหน้ามานับไม่ถ้วน เราเข้าใจดีว่าความกลัว “ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ” และ “ข้อแทรกซ้อน” คือสิ่งที่คนไข้กังวลที่สุด ปรัชญาของเราคือความซื่อสัตย์และโปร่งใส เราจะประเมินใบหน้าของคุณตามจริง และให้ข้อมูลทั้งข้อดีและข้อเสียอย่างตรงไปตรงมา เราไม่เพียงแค่ “เสริมคาง” แต่เรา “ออกแบบ” ความสมดุลของใบหน้าทั้งหมด ความมุ่งมั่นในการผ่าตัดที่ปลอดภัยภายใต้มาตรฐานสูงสุด คือสิ่งที่ทำให้คนไข้วางใจและเลือกเรา

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเพื่อป้องกันข้อเสีย

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • หากทำแผลในปาก ต้องบ้วนปากด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุกครั้งหลังทานอาหาร
  • ทานยาปฏิชีวนะและยาลดบวมให้ครบตามกำหนด
  • หลีกเลี่ยงการกระทบกระแทกรุนแรงบริเวณคางในช่วง 1 เดือนแรก
  • งดอาหารรสจัด ของหมักดอง และแอลกอฮอล์ที่กระตุ้นอาการบวม

สัญญาณอันตราย: อาการแบบไหนที่ต้องรีบพบแพทย์

แม้จะดูแลดีแค่ไหน หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบติดต่อคลินิกทันที:

  • มีอาการปวดรุนแรงผิดปกติ และปวดมากขึ้นเรื่อยๆ
  • มีไข้สูง หรือรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว
  • บริเวณแผลมีหนอง หรือน้ำเหลืองซึม
  • คางบวมแดงร้อนอย่างชัดเจน

ปรึกษาทุกข้อกังวลใจเรื่องการเสริมคางกับเรา

การได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญคือวิธีที่ดีที่สุดในการคลายความกังวล หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับข้อเสียต่างๆ สามารถติดต่อเราเพื่อปรึกษาได้

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

เสริมคาง ข้อเสียที่พบบ่อยที่สุดคืออะไร?

ข้อเสียที่พบบ่อยที่สุดและมักเป็นชั่วคราวคืออาการบวมและอาการชาบริเวณปลายคางและริมฝีปากล่าง ซึ่งโดยทั่วไปจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายใน 1-3 เดือน ส่วนข้อเสียที่น่ากังวล เช่น การเบี้ยวเอียงหรือติดเชื้อ พบน้อยมากหากทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ทำคางแล้วจะชาถาวรไหม?

โอกาสเกิดการชาถาวรมีน้อยมาก (น้อยกว่า 1%) มักเกิดจากการผ่าตัดโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะรู้จักตำแหน่งของเส้นประสาทเป็นอย่างดีและสามารถหลีกเลี่ยงได้

ทำไมบางคนทำแล้วเป็น “คางมะม่วง”?

เกิดจากการเลือกขนาดและรูปทรงของซิลิโคนที่ไม่เหมาะสมกับใบหน้า เช่น ยาวเกินไป หรือใหญ่เกินไป ทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นเรื่องของการ “ออกแบบ” โดยตรง

แผลนอกกับแผลใน แบบไหนข้อเสียน้อยกว่ากัน?

เป็นการแลกเปลี่ยนกันครับ “แผลนอก” มีข้อเสียเรื่องรอยแผลเป็น (ซึ่งมักจางมาก) แต่มีข้อดีคือเสี่ยงติดเชื้อต่ำและวางซิลิโคนได้แม่นยำ “แผลใน” มีข้อดีคือไม่มีแผลเป็น แต่ก็มีข้อเสียเรื่องความเสี่ยงติดเชื้อในช่องปากที่สูงกว่า

ถ้าเสริมคางแล้วเบี้ยว สามารถแก้ไขได้หรือไม่?

สามารถแก้ไขได้ครับ แต่ต้องรอให้เนื้อเยื่อเข้าที่อย่างน้อย 6 เดือน และต้องเป็นการผ่าตัดแก้ไข (Revision Surgery) ซึ่งมักจะมีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทำครั้งแรก ดังนั้นการเลือกให้ดีตั้งแต่ครั้งแรกจึงสำคัญที่สุด

References

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
Scroll to Top